จากนั้นเรินต์เกนมีโอกาสเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเปิดใหม่ชื่อ โปลีเทคนิค ที่เมืองซูริก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งรับนักศึกษาเข้าเรียนโดยวิธีสอบเอนทรานซ์ แต่เรินต์เกนเข้าเรียนโดยไม่ต้องสอบ เพราะมหาวิทยาลัยทราบว่า เขาได้คะแนนคณิตศาสตร์สูงสุดจากโรงเรียนเดิมมาแล้ว เรินต์เกนได้รับประกาศนีบัตร สาขาวิศวกรรมเครื่องกล (เทียบเท่าระดับปริญญาโท) ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1868 ขณะอายุ 23 ปี ทว่าตอนนั้นเขาเริ่มเบื่อหน่ายวิชาวิศวกรรมแล้ว
ต่อมาเรินต์เกนมีโอกาสฟังการบรรยายของศาสตราจารย์คลาวซิอุส (Clausius) ซึ่งได้รับการขนานนามว่า เป็นบิดาแห่งวิชาอุณหพลศาสตร์ (Thermodynamics) และเกิดความสนใจอย่างมากจึ่งได้ขอร่วมทำงานด้วย แต่ศาสตราจารย์คลาวซิอุสได้รับเชิญให้ไปสอน ณ มหาวิทยาลัยเวิรซ์บวร์กเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เอากุสต์ คุนต์ (August Kundt) ผู้มาทำหน้าที่แทนคลาวซิอุส ได้ชักชวนเรินต์เกนมาทำงานด้วยกันในห้องปฏิบัติการของคุนต์เองในเวลาเพียง 11 เดือน เรินต์เกนก็เสนอผลงานศึกษาวิจัยเรื่องก๊าซ และได้รับปริญญาเอกจากผลงานวิจัยเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1869
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นด๊อกเตอร์แล้ว แต่เรินต์เกนก็ไม่สามารถรับการบรรจุลงตำแหน่งทางวิชาการใด ๆ ได้ เนื่องจากไม่มีประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากเมืองอูเทรคต์นั่นเอง อย่างไรก็ดี คุนด์ได้จัดให้เรินต์เกนทำหน้าที่ผู้ช่วยนักวิจัยในห้องปฏิบัติการของตนต่อไป
08 กุมภาพันธ์ 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น